ขณะที่น้ำมัน สินค้าอุปโภค-บริโภคกำลังปรับตัวขึ้นราคาตามกลไกการตลาด แต่กลับมีสินค้าประเภทหนึ่งที่สวนกระแสสภาวะข้าวยากหมากแพง นั่นคือสินค้าไอที โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือซึ่งนับวันจะมีราคาที่ถูกลงไปเรื่อยๆ อาจจะด้วยเหตุผลที่กลุ่มลูกค้ามีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้คิดหนักในการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย หรืออาจจะด้วยวัตถุดิบของสินค้าไอทีสามารถผลิตขึ้นได้เอง ไม่ได้ใช้แล้วหมดไปเหมือนทรัพยากรธรรมชาติ ในเมื่อสินค้าไอทีโดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือต่างพากันปรับราคาถูกลง ล่อใจลูกค้าขนาดนี้ กลุ่มผู้ใช้เองก็ควรเลือกซื้ออย่างมีสติ อย่าเห็นแก่ราคาที่ถูกลงจนลืมคำนึงถึงคุณภาพของสินค้า
ที่ชักแม่น้ำมาทั้งโลกไม่ใช่อะไร แค่อยากให้ท่านได้อ่านวิธีการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ ก่อนตัดสินใจซื้อ แค่นั้นเอง ซึ่งมีวิธีการตรวจสอบเบื้องต้น แต่ค่อนข้างละเอียด 6 ขั้นตอนดังนี้
1. ตรวจสอบเลขอีมี่ (IMEI) ซึ่งจะเป็นรหัสประจำตัวเครื่องเป็นตัวเลข 15 หลัก เลขอีมี่จะดูได้จากที่ไหนบ้าง?
– ที่ตัวโทรศัพท์มือถือ ดูจากด้านหลังเครื่อง ตรงช่องใส่แบตเตอรี่
– ที่ตัวโทรศัพท์มือถือ โดยเปิดเครื่องขึ้นมาก่อนจากนั้นกดปุ่ม *#06# จะปรากฏเลขอีมี่ขึ้นมา
– ที่กล่องบรรจุภัณฑ์จะแป่ะสติ๊กเกอร์ข้างกล่องทั้ง 3 จุดนี้ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวเลขอีมี่ตรงกันหรือไม่
2. เมื่อเลขอีมี่ตรงกัน จากนั้นให้โทรไปตรวจสอบกับตัวแทนจำหน่ายที่นำเข้าโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากบริษัทที่นำเข้าจะมีเลขอีมี่บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ ตรวจสอบได้
3. เมื่อผ่าน 2 ขั้นตอนด้านบน ก็มาดูที่ตัวโทรศัพท์บ้าง ให้เปิดเครื่องลองใช้งาน แล้วเช็คเวลาใช้งานโทรศัพท์ดูโดยกดปุ่ม *#92702689# เพื่อเรียกดูเวลาการใช้งานโทรศัพท์ หากเป็นเครื่องใหม่จริงเวลาควรเป็น 0 หากเป็นเครื่องที่เอามาวางโชว์เวลาก็ไม่ควรมากไปกว่า 0 เท่าไร
4. จากนั้นเริ่มตรวจสอบหาร่องรอยบนตัวเครื่อง ถ้าเป็นรุ่นที่แกะหน้ากากได้ก็ลองแกะดูเพื่อดูความสะอาดด้านใน ดูสติ๊กเกอร์รับประกัน วันที่รับประกัน
5. ทดลองใช้งานโทรศัพท์โดยการโทรออก รับสาย เปิดทุกฟังค์ชั่นในตัวเครื่อง
6. ตรวจสอบอุปกรณ์เสริมที่แถมมาในกล่องบรรจุภัณฑ์ หากไม่แน่ใจให้ตรวจสอบมาก่อนว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ต้องการซื้อควรมีอะไรในกล่องบรรจุภัณฑ์บ้าง
จาก 6 วิธีการขั้นต้นก็สบายใจได้ว่าเครื่องที่คุณซื้อมาสภาพใหม่พร้อมใช้งานแน่นอน
เพิ่มยอดขายสินค้าและบริการด้วยการ “เปิดร้านค้าออนไลน์”
สำหรับคนที่มีร้านค้าอยู่บน Facebook หรือ Instragram แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็ต้องมี Website ซึ่งจะเป็นเสมือนหน้าร้านออนไลน์ การเปิดร้านออนไลน์นี้มีข้อดีมากมาย โดยเฉพาะคนที่ทำงานประจำอยู่ แล้วไม่ค่อยมีเวลามากนัก เพียงแค่คุณเปิดเว็บไซต์กับเรา ก็เท่ากับว่าหน้าร้านของคุณเปิดบริการตลอด 24 ชม.
เพราะเวลาที่คุณหลับอยู่ อาจมีลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมร้านของคุณ และทำการสั่งซื้อทิ้งไว้ให้คุณจัดการตอนเช้าก็เป็นได้ ที่สำคัญ การเปิดร้านสินค้าและบริการออนไลน์ช่วยลดต้นทุนการเปิดร้านจริงๆไปได้มหาศาล ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าพื้นที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าตกแต่งร้าน ค่ารถ ค่าเดินทาง ฯลฯ ส่วนถ้าจะไปเปิดท้ายขายของตามตลาดนัด
คุณก็ต้องแข่งกับคนอื่นเพื่อไปจับจองพื้นที่การขาย ทั้งยังเสี่ยงกับสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ ฝนตกวันไหนก็ขายไม่ได้ ส่วนสำหรับใครที่มีหน้าร้านจริงๆอยู่แล้ว การเปิดร้านออนไลน์ยังช่วยเพิ่มช่องทางให้ลูกค้ากลุ่มที่ไม่สะดวกเดินทาง ไปที่ร้าน เช่น ลูกค้าต่างจังหวัด หรือลูกค้าต่างชาติ เป็นต้น
เพราะฉะนั้นคุณควรจะเริ่มต้นเปิดร้านสินค้าและบริการกับเราตั้งแต่วันนี้เพื่อที่จะได้ไม่พลาดโอกาสในการขาย โดยมีเทคนิคแนะนำ คือ
– ใช้บริการเปิดเว็บสำเร็จรูปเพราะเราทำให้คุณฟรีตั้งแต่เริ่มออกแบบจนกระทั่งลงสินค้า
– ควรใช้ชื่อเว็บไซต์ที่จดจำง่าย ถ้าสอดคล้องกับสินค้าที่ขายด้วยยิ่งดี
– ใส่ข้อมูลส่วนตัวของผู้ขายไว้ให้ครบถ้วนเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
– ข้อมูลและรูปภาพของสินค้าต้องชัดเจน เพราะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
– ผลิตภัณฑ์จำพวกสุขภาพ ความสวยความงามต้องแสดงเลขที่จดแจ้ง อย. ไว้เสมอ
– ขยันโปรโมทเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จัก เช่น ลงประกาศในเว็บบอร์ด ประชาสัมพันธ์ใน Social Network หรือซื้อโฆษณา
– จัดส่งสินค้าและตอบคำถามลูกค้าทุกทางไม่ควรช้า เพราะอาจทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจ ไม่สามารถปิดการขายได้
การพิจารณาในการวางแผนเลือกซื้อสินค้าและบริการ
ในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ ควรพิจารณาดังต่อไปนี้
1. ความจำเป็น และความต้องการ ในการเลือกซื้อสินค้าและบริการเพื่อสนองความต้องการและความจำเป็นในการดำเนินชีวิต ผู้ซื้อควรมีการวางแผนการใช้จ่ายที่แน่นอนชัดเจนและคำนึงถึงความประหยัดเป็นสำคัญ โดยสำรวจจำนวนเงินที่ตนมีอยู่ แล้วจัดสรรว่าควรใช้จ่ายอย่างไรและเท่าใด ซึ่งควรพิจารณาเลือกซื้อจากสิ่งที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต เช่น อาหาร เสื้อผ้าและยารักษาโรค ก่อนสิ่งฟุ่มเฟือยอื่น ๆ ที่จำเป็นน้อยกว่า นอกจากนั้นในการเลือกซื้อสินค้าและบริการอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามความจำเป็นของสมาชิกแต่ละคนในครอบครัว
2. การเปรียบเทียบราคาและคุณภาพ ก่อนการซื้อควรได้มีการเปรียบเทียบราคาสินค้าหรือบริการที่จะได้รับ บางครั้งอาจพบว่าราคาสูงเกินไป บางครั้งสินค้าหรือบริการเหล่านั้นไม่สามารถสนองความต้องการของเราถ้าไม่มีการเปรียบเทียบก็ไม่อาจตัดสินใจได้
3. การพิจารณาเวลาที่จะซื้อ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าชนิดใดก็ตามจะต้องพิจารณาของสินค้าชนิดนั้นให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนเพื่อเวลาซื้อไปแล้วไม่ถูกใจก็ไม่สามรถที่จะนำมาคืนได้ เช่น ถ้าเราซื้อสินค้าอย่างรีบร้อนโดยไม่มีการวางแผน เมื่อเราเดินเข้าไปในร้านเจอสินค้าที่ถูกใจก็ซื้อเลยแต่เมื่อซื้อมาแล้วก็เห็นว่าไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไรก็จะทำให้สิ้นเปลืองเงินไปโดยใช่เหตุ เป็นต้น
การใช้บริการก็เช่นกันควรจะพิจารณาในเรื่องเวลาด้วย กล่าวคือ สถานพยาบาลจะมีผู้ใช้บริการน้อยในวันหยุด บ้านพักตากอากาศชายทะเลจะมีคนมากในฤดูร้อน การใช้บริการถ้าหากใช้ความจำเป็นอย่างเร่งด่วนก็ควรเลือกเวลาที่คนไปใช้บริการน้อยก็จะทำให้ได้รับการบริการที่รวดเร็วและให้ผลที่ดีกว่า
4. การพิจารณาร้านค้าที่จะซื้อ ร้านที่จำหน่ายสินค้าจะมีทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ และขนาดปานกลางในชุมชนเล็กอาจจะมีร้านเพียง 1-2 ร้านเท่านั้น เพราะมีผู้ซื้อจำนวนน้อย ต่างกับร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีสินค้ามากมายหลายชนิดให้เลือก ซึ่งร้านที่จำหน่ายสินค้าประเภทต่าง ๆ อาจจะจัดประเภทได้ดังต่อไปนี้
1. ห้างสรรพสินค้า ส่วนใหญ่จะจำหน่ายสินค้านานาชนิด ทั้งเสื้อผ้าเครื่องประดับตกแต่งบ้าน หนังสือ เครื่องใช้สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า จะมีพนักงานไว้คอยบริการลูกค้า มีบริการโทรศัพท์ ห้องน้ำ ที่จอดรถรับฝากของ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเป็นอย่างดี
2. ร้านจำหน่ายสินค้าเฉพาะอย่าง ร้านประเภทนี้จำหน่ายผลิตภัณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ร่วมกัน เช่น จำหน่ายเครื่องกีฬา เครื่องตกแต่งบ้าน เสื้อผ้า อาหาร ร้านประเภทนี้จะมีสินค้าให้เลือกหลายลักษณะ และผู้ขายสินค้าจะรู้จักผลิตภัณฑ์ในร้านเป็นอย่างดี ที่จะต้องการทรายรายละเอียดของสินค้า ผู้ขายจะยินดีอธิบาย และอาจจะสาธิตให้ชม นอกจากนี้ร้านประเภทนี้ยังมีบริการแลกเปลี่ยนสินค้าบริการซ่อมและจำหน่ายระบบเงินผ่อน
3. ซูเปอร์มาเก็ต ส่วนใหญ่จะจำหน่ายเกี่ยวกับอาหาร เช่น อาหารสด อาหารกระป๋อง อาหารแห้ง ขนมอบ ซึ่งซูเปอร์มาเก็ตบางแห่งจะมีบริการซักรีด จำหน่ายเครื่องใช้ในบ้าน กระดาษชำระ ของเล่น อาหารสัตว์ เครื่องสำอาง หรือบางแห่งอาจจะมีร้านขายยาด้วย ซูเปอร์มาเก็ตส่วนใหญ่ผู้ซื้อจะบริการตนเองหรือมีผู้ให้บริการเฉพาะร้าน นอกเหนือจากนั้นจะมีพนักงานช่วยนำของไปส่งที่รถ
4. ร้านจำหน่ายสินค้าราคาถูก ร้านประเภทนี้จะขายสินค้าถูกกว่าร้านทั่วไป สินค้าอาจจะมียี่ห้อเดียวกันหรือคุณภาพคล้ายคลึงกับร้านราคาปกติ หรือบางครั้งอาจมีคุณภาพด้อยกว่าร้านจำหน่ายสินค้าราคาถูก อาจมีการตกแต่งร้านน้อยกว่า มีสินค้าตั้งแสดงน้อยกว่าและเป็นแหล่งที่ค่าเช่าร้านถูกกว่า
5. ร้านชำ ร้านชำจะตั้งอยู่ในหมู่บ้าน ร้านชำจะมีของสารพัดอย่าง เช่น ชา กาแฟ กระดาษชำระ สบู่ แชมพูสระผม ผงซักฟอก ยาสีฟัน นิตยสาร ร้านชำมีของให้เลือกไม่มากนักและราคาย่อมค่อนข้างสูง ร้านประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นร้านในหมู่บ้าน
5. การพิจารณาวิธีที่จะซื้อ วิธีการที่จะซื้อนั้น หมายถึง จะซื้อด้วยเงินสดหรือเงินผ่อนจะต่อรองราคาหรือไม่อย่างไร บางคนชอบต่อรองราคาให้ต่ำมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ทั้งในด้านการซื้อสินค้าและบริการ ก่อนการต่อรองราคาควรพิจารณาว่าสินค้าหรือบริการนั้นจำเป็นหรือไม่ บางครั้งต่อรองได้ราคาถูก แต่ปรากฏว่าของนั้นไม่มีความจำเป็นต้องใช้ก็เป็นการสิ้นเปลืองเงินโดยเปล่าประโยชน์