ในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ ควรพิจารณาดังต่อไปนี้
1. ความจำเป็น และความต้องการ ในการเลือกซื้อสินค้าและบริการเพื่อสนองความต้องการและความจำเป็นในการดำเนินชีวิต ผู้ซื้อควรมีการวางแผนการใช้จ่ายที่แน่นอนชัดเจนและคำนึงถึงความประหยัดเป็นสำคัญ โดยสำรวจจำนวนเงินที่ตนมีอยู่ แล้วจัดสรรว่าควรใช้จ่ายอย่างไรและเท่าใด ซึ่งควรพิจารณาเลือกซื้อจากสิ่งที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต เช่น อาหาร เสื้อผ้าและยารักษาโรค ก่อนสิ่งฟุ่มเฟือยอื่น ๆ ที่จำเป็นน้อยกว่า นอกจากนั้นในการเลือกซื้อสินค้าและบริการอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามความจำเป็นของสมาชิกแต่ละคนในครอบครัว
2. การเปรียบเทียบราคาและคุณภาพ ก่อนการซื้อควรได้มีการเปรียบเทียบราคาสินค้าหรือบริการที่จะได้รับ บางครั้งอาจพบว่าราคาสูงเกินไป บางครั้งสินค้าหรือบริการเหล่านั้นไม่สามารถสนองความต้องการของเราถ้าไม่มีการเปรียบเทียบก็ไม่อาจตัดสินใจได้
3. การพิจารณาเวลาที่จะซื้อ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าชนิดใดก็ตามจะต้องพิจารณาของสินค้าชนิดนั้นให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนเพื่อเวลาซื้อไปแล้วไม่ถูกใจก็ไม่สามรถที่จะนำมาคืนได้ เช่น ถ้าเราซื้อสินค้าอย่างรีบร้อนโดยไม่มีการวางแผน เมื่อเราเดินเข้าไปในร้านเจอสินค้าที่ถูกใจก็ซื้อเลยแต่เมื่อซื้อมาแล้วก็เห็นว่าไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไรก็จะทำให้สิ้นเปลืองเงินไปโดยใช่เหตุ เป็นต้น
การใช้บริการก็เช่นกันควรจะพิจารณาในเรื่องเวลาด้วย กล่าวคือ สถานพยาบาลจะมีผู้ใช้บริการน้อยในวันหยุด บ้านพักตากอากาศชายทะเลจะมีคนมากในฤดูร้อน การใช้บริการถ้าหากใช้ความจำเป็นอย่างเร่งด่วนก็ควรเลือกเวลาที่คนไปใช้บริการน้อยก็จะทำให้ได้รับการบริการที่รวดเร็วและให้ผลที่ดีกว่า
4. การพิจารณาร้านค้าที่จะซื้อ ร้านที่จำหน่ายสินค้าจะมีทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ และขนาดปานกลางในชุมชนเล็กอาจจะมีร้านเพียง 1-2 ร้านเท่านั้น เพราะมีผู้ซื้อจำนวนน้อย ต่างกับร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีสินค้ามากมายหลายชนิดให้เลือก ซึ่งร้านที่จำหน่ายสินค้าประเภทต่าง ๆ อาจจะจัดประเภทได้ดังต่อไปนี้
1. ห้างสรรพสินค้า ส่วนใหญ่จะจำหน่ายสินค้านานาชนิด ทั้งเสื้อผ้าเครื่องประดับตกแต่งบ้าน หนังสือ เครื่องใช้สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า จะมีพนักงานไว้คอยบริการลูกค้า มีบริการโทรศัพท์ ห้องน้ำ ที่จอดรถรับฝากของ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเป็นอย่างดี
2. ร้านจำหน่ายสินค้าเฉพาะอย่าง ร้านประเภทนี้จำหน่ายผลิตภัณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ร่วมกัน เช่น จำหน่ายเครื่องกีฬา เครื่องตกแต่งบ้าน เสื้อผ้า อาหาร ร้านประเภทนี้จะมีสินค้าให้เลือกหลายลักษณะ และผู้ขายสินค้าจะรู้จักผลิตภัณฑ์ในร้านเป็นอย่างดี ที่จะต้องการทรายรายละเอียดของสินค้า ผู้ขายจะยินดีอธิบาย และอาจจะสาธิตให้ชม นอกจากนี้ร้านประเภทนี้ยังมีบริการแลกเปลี่ยนสินค้าบริการซ่อมและจำหน่ายระบบเงินผ่อน
3. ซูเปอร์มาเก็ต ส่วนใหญ่จะจำหน่ายเกี่ยวกับอาหาร เช่น อาหารสด อาหารกระป๋อง อาหารแห้ง ขนมอบ ซึ่งซูเปอร์มาเก็ตบางแห่งจะมีบริการซักรีด จำหน่ายเครื่องใช้ในบ้าน กระดาษชำระ ของเล่น อาหารสัตว์ เครื่องสำอาง หรือบางแห่งอาจจะมีร้านขายยาด้วย ซูเปอร์มาเก็ตส่วนใหญ่ผู้ซื้อจะบริการตนเองหรือมีผู้ให้บริการเฉพาะร้าน นอกเหนือจากนั้นจะมีพนักงานช่วยนำของไปส่งที่รถ
4. ร้านจำหน่ายสินค้าราคาถูก ร้านประเภทนี้จะขายสินค้าถูกกว่าร้านทั่วไป สินค้าอาจจะมียี่ห้อเดียวกันหรือคุณภาพคล้ายคลึงกับร้านราคาปกติ หรือบางครั้งอาจมีคุณภาพด้อยกว่าร้านจำหน่ายสินค้าราคาถูก อาจมีการตกแต่งร้านน้อยกว่า มีสินค้าตั้งแสดงน้อยกว่าและเป็นแหล่งที่ค่าเช่าร้านถูกกว่า
5. ร้านชำ ร้านชำจะตั้งอยู่ในหมู่บ้าน ร้านชำจะมีของสารพัดอย่าง เช่น ชา กาแฟ กระดาษชำระ สบู่ แชมพูสระผม ผงซักฟอก ยาสีฟัน นิตยสาร ร้านชำมีของให้เลือกไม่มากนักและราคาย่อมค่อนข้างสูง ร้านประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นร้านในหมู่บ้าน
5. การพิจารณาวิธีที่จะซื้อ วิธีการที่จะซื้อนั้น หมายถึง จะซื้อด้วยเงินสดหรือเงินผ่อนจะต่อรองราคาหรือไม่อย่างไร บางคนชอบต่อรองราคาให้ต่ำมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ทั้งในด้านการซื้อสินค้าและบริการ ก่อนการต่อรองราคาควรพิจารณาว่าสินค้าหรือบริการนั้นจำเป็นหรือไม่ บางครั้งต่อรองได้ราคาถูก แต่ปรากฏว่าของนั้นไม่มีความจำเป็นต้องใช้ก็เป็นการสิ้นเปลืองเงินโดยเปล่าประโยชน์